inwshop manual meta tag


หัวข้อ วิธีใช้ google webmaster tools นี้ตั้งเพื่อต้องการแชร์ความรู้ครับ หลายคนงงกับการปรับตั้งค่าต่างๆ ของกูเกิ้ลในเว็บขายของอย่าง lnwshop ซึ่งในสายตาคนที่ไม่ใช่โปรแกรมเมอร์หรือสายไอที คงเป็นเรื่องยุ่งยากไม่ใช่น้อย

** ต้องมี Gmail ก่อนนะครับ วิธีสมัครขอไม่อธิบายเพราะมันง่ายมากอยู่แล้ว

** การใช้ google tools นี้ไม่เกี่ยวกับการทำ SEO นะครับ การค้าที่ไม่ได้ต้องการวิเคราะห์สถิติเชิงลึก ไม่ต้องทำก็ได้ครับ (ทำแล้วไม่เคยเข้ามาดู / วิเคราะห์สถิติก็ไม่ได้ประโยชน์อยู่แล้ว)

มาที่หัวข้อแรกนะครับ

1.หา manual meta tag จากที่ไหน

1.1 เข้า google เสิร์ชคำว่า google webmaster tools แล้วเข้าเว็บ

1.2  คลิกคำว่า เพิ่มไซต์ พิมพ์ชื่อเว็บไซต์ของคุณเช่น  http://blablabla.lnwshop.com  เป็นต้น แล้วคลิก ดำเนินการต่อ
::::  ถ้าเห็นข้อความ การยืนยันล้มเหลว ไม่ต้องตกใจนะครับ ไปข้อ 1.3 ต่อได้เลย

1.3 จะมีหน้าตาออกมาแบบในรูป ไม่ต้องดาวน์โหลดอะไร ให้เลือก วิธีการอื่น แล้วเลือกหัวข้อ แท็ก HTML

ไม่ต้องดาวน์โหลดอะไรมานะครับ

ไม่ต้องดาวน์โหลดอะไรมานะครับ

1.4  เมื่อได้โค้ดที่ต้องการในหน้าเว็บมาสเตอร์ทูลส์นี้แล้ว ให้เอาโค้ดกลับไปกรอกที่ inwshop ดูตามรูปได้เลยครับ
::::: โค้ดนี้เป็นของใครของมัน ลอกกันไม่ได้ครับ
:::: การใส่โค้ด ไม่ต้องใส่เครื่องหมายคำพูด ” ” ลงไปนะครับ

คัดลอกโค้ดมาแล้วคลิก ยืนยัน ครับ

คัดลอกโค้ดมาแล้วคลิก ยืนยัน ครับ

อ่านเพิ่มเติม

แก้ไข-เปลี่ยนชื่อไฟล์ mp3 บนแอนดรอยด์


บ่อยครั้งที่เราเปิด mp3 บนแท็บเล็ตและมือถือแล้วอ่านชื่อเพลงไม่ออก บางครั้งจะ rename ชื่อเพลงเอง บางครั้งก็ไม่รู้ว่าชื่อเพลงอะไรอยู่ดี เพราะว่าการแปลงไฟล์เป็น mp3  มันเปลี่ยนชื่อเพลงหรือ Tag เป็น ASCII ซึ่งภาษาไทยควรเป็นภาษา Unicode (UTF-8)

แก้ไขได้ด้วยโปรแกรม  Mp3tag v2.57   (2.51Mb)

ตัวอย่าง

โหลดบิตมาเจอไฟล์แบบนี้ เพลงเพียบแต่อ่านไม่ออก (บางครั้งชื่อไฟล์ถูกต้อง แต่พอเอาไปเปิดก็เป็นภาษาต่างดาวอยู่ดี)

โหลดบิตมาเพลงอะไรบ้างก็ไม่รู้

โหลดมาแล้วอยู่ใน PC อ่านไม่ออกแต่ก็พอจะเดาออกว่าเพลงของใคร ถ้าอยู่ในเครื่องเล่นอื่นๆ ก็ลำบากนิดหน่อย

วิธีแก้ไข

โหลดโปรแกรม  Mp3tag v2.57  มาแล้วก็ลุยกันเลย คำเตือน ควรกันเหนียวไว้ก่อน ด้วยการ copy ไว้อีกชุดก่อนแปลงชื่อไฟล์

1.เปิดโปรแกรมหน้าตาเช่นนี้ แล้วคลิก add Directory

เลือกโฟลเดอร์ที่ต้องการ

2.เลือกโฟลเดอร์ที่ต้องการแก้  เลือกทุกเพลง กด Ctrl+a ) แล้วคลิกที่ Convert – ในกรณีของผมชื่อไฟล์ผิดแต่ชื่อ tag ถูกต้อง ก็เลยเลือก convert จาก tag ไป filename

3.เสร็จแล้วครับ ลองเปิด winamp มาดูให้ชื่นใจสิ จะเห็นได้ว่าแสดงชื่อเพลงถูกต้องทั้ง 2 ตำแหน่ง

นำไปเผยแพร่ต่อ กรุณาให้เครดิตผมด้วยนะครับ ขอบคุณครับ

https://zickman.wordpress.com
https://www.facebook.com/Ezyonlinefanpage

เพิ่มช่องทางให้คนเข้ามาที่เว็บไซต์ (ทำยังไงให้เว็บติดอับดับกูเกิ้ล Part 2)


เพิ่มช่องทางให้คนเข้ามาที่เว็บไซต์ (ทำยังไงให้เว็บติดอับดับกูเกิ้ล Part 2)

เรื่องนี้ว่ากันด้วยช่วยให้ติดอันดับด้วยแบ็คลิ้งค์ 5 ข้อ แบบชิลๆ

1.สร้างแบ็คลิ้งค์ ให้ไปสู่เนื้อหาอื่นๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ปัจจุบันทำได้ง่ายแม้แต่ในเฟซบุ๊ค เช่นอยากให้ไปที่ลิ้งค์ไปที่บล็อคของผมก็จะเอาชื่อเว็บมาแปะ ชื่อเว็บอะไรก็ว่ากันไป

ด้วยวิธีใส่แบ็คลิ้งค์แบบนี้เราสามารถเอาชื่อเว็บเราใส่เป็นลายเซ็นต์ในอีเมล์ ในเวบบอร์ดที่เราใช้อยู่เช่นเว็บ pantip เพื่อให้คนคลิกเข้ามาชมบล็อคของเรา (ควรจะมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกัน ไม่ใช่ในกระทู้เค้าคุยกันเรื่องต้นไม้ เอาลิ้งของเว็บขายเสื้อฟุตบอลไปใส่มันดื้อๆ เว้นแต่เป็นแค่ส่วนของลายเซ็นต์ เพื่อไม่ให้กูเกิ้ลจัดว่าเป็นสแปมลิ้งค์)

2.จงเลือกคำที่ใช้สร้างลิ้งค์ เมื่อเราใช้คำไหนในการสร้างลิงค์ ก็จะเป็นการบอกกับกูเกิ้ลให้รู้ว่าเนื้อหาของเว็บที่จะทำการลิงค์ไปนั้นเกี่ยวข้องกับอะไร ดังนั้นทำลิ้งค์ ที่คำว่า “ขายรองเท้า” กับ “จำหน่ายรองเท้า” นั้นมีผลต่างกันในแง่การทำ SEO (ในแง่ภาษาที่เป็นทางการแล้วเราใช้คำว่าจำหน่ายรองเท้า แต่คนทั่วไปเค้าหาคำในกูเกิ้ลว่า ขายรองเท้า)

3.การเขียนข้อความ ของเรา หากมีเว็บที่น่าเชื่อถือนำไปใช้อ้างอิงหรือเผยแพร่ต่อ (ซึ่งเค้าก็ค้นหาบทความน่าสนใจจากกูเกิ้ลนี่แหละ) ก็เป็นปัจจัยให้ลิ้งค์นั้น ช่วยดัน SEO มากขึ้นไปอีก เช่นบทความที่ผมเขียนให้ความรู้ทั่วไปในบล็อคส่วนตัวนี้ ถูกมหาวิทยาลัยเอาไปโพสต์ในเว็บของมหาลัย ก็ยิ่งมีผู้เยี่ยมชมบล็อคของผมมากขึ้นอีก (เค้าต้องใส่อ้างอิงว่ามาจากบล็อคเราด้วยนะครับ) วิธีนี้สร้างผู้ชมมาที่เว็บเราได้พอสมควรทีเดียวครับ
4.จงเป็นบล็อคเกอร์ ! ขอแนะนำ 3 บล็อคใช้ฟรีดังนี้ 1.wordpress 2.exteen 3.blogspot เพราะมันสร้าง seo ได้อย่างรวดเร็ว ด้วยการใส่แท็ก หรือภาษาไทยเรียกว่า ป้ายกำกับ เพียงแต่ใส่คีย์เวิร์ดที่ต้องการ แล้วให้เว็บทางการของเรา ถ้าไม่มีเวลา ใช้บล็อคอะไรก็ได้ทำแค่หน้าเดียวเหมือนโฆษณา ใส่รูปที่น่าสนใจเช่นสินค้าตัวที่เด่นๆ แล้วส่วน about us หรือ contact us ให้ใส่ชื่อ เบอร์ติดต่อ แล้วใส่ลิ้งค์มาที่เว็บไปเลย … จบ (เนื่องจากมันเป็นของฟรี คุณทำได้หลายๆบล็อค)
5.แถมวิชามาร … การโพสต์รูปในบล็อคต่างๆ เช่น wordpress พยายามใส่ไฮเปอร์ลิ้งค์กลับมาที่เว็บของเรา (ปกติคลิกแล้วเป็นรูปใหญ่เฉยๆ) วิชามารข้อนี้ไม่สามารถทำได้จากเฟซบุ๊ค แต่ทำได้จากการสร้างบล็อคต่างๆ ตามที่ได้เหลายาวไปแล้ว
สุดท้ายนี้ อยากบอกว่าการนำลิ้งค์ของเราไปสแปมเว็บคนอื่นไม่ใช่เรื่องดี เพราะได้ประโยชน์ช่วงแรกไม่กี่วัน แล้วก็โดนจัดไปเป็นสแปม (ขยะ) สู้เราเอาลิ้งค์เราไปแปะๆ ในที่ๆ เหมาะสมจะตรงกลุ่มเป้าหมายกว่าครับ อยู่ยาวและมีประโยชน์

ทำยังไงเว็บติดอันดับกูเกิ้ล ?


ทำยังไงเว็บติดอันดับกูเกิ้ล ?

อธิบายแบบ ง่ายๆ บรรยากาศจิบเหล้าริมแม่น้ำ

กูเกิ้ลเก็บข้อมูลจากข้อความต่างๆ เช่น ชื่อเว็บไซต์ ชือหัวข้อ ข้อความที่อยู่ในเว็บ เมต้าแท็กและชื่อรูป เมื่อชาวบ้านเค้าค้นสิ่งที่เค้าต้องการจากกูเกิ้ล แล้วคุณมีข้อความนั้นในเว็บ ก็จะเริ่มเก็บคะแนน ใครคะแนนมากๆก็ขึ้นมาหน้าแรกๆ

ยกตัวอย่างเช่นถ้าคุณขายของเล่นเด็ก ถ้าเป็นไปได้ชื่อเว็บก็ควรต้องมีคำว่า toy หรือ kid อะไรประมาณนี้อยู่ด้วยต่อมาการใส่ชื่อหัวข้อหรือข้อความก็ควรต้องมีคำที่คาดว่าจะเป็นคีย์เวิร์ด (คำที่ใช้ค้นหา) เช่นชื่อ ชื่อยี่ห้อสินค้า คำบรรยายประเภทสินค้า และสุดท้ายถ้าใส่เมต้าแท็กได้ ควรใส่

ชื่อเว็บดี ได้เปรียบมากครับ ถ้าไม่ได้พยายามใช้คำบรรยายให้ได้คีย์เวิร์ดให้มาก

สิ่งที่คนทำเว็บส่วนมากข้ามอย่างหนึ่งคือ “การตั้งชื่อภาพ” คิดเล่นๆ ว่าเวลาเราค้นภาพในกูเกิ้ล มันรู้ได้ไง ว่าภาพไหนคือภาพอะไร อย่าลืมว่า อินเตอร์เน็ทไม่มีตามองนะครับ ดังนั้นการตั้งชื่อรูปดีก็เพิ่มโอกาสในการค้นหา ยกตัวอย่างเช่น ตั้งชื่อ รหัสสินค้า ยี่ห้อ ชื่อเว็บไซต์ ติดกันเป็น a001_tomy_toyforkids_ ของเล่น.jpeg เป็นต้น เมื่อคนค้นหารูปสินค้าที่ต้องการอาจจะมาเจอรูปที่เราและเข้าถึงเว็บเราได้อีกทาง

จากประสบการณ์ ลูกค้าเจ้านึงของผม ชื่อเว็บ nightsun-th.com นั้น ได้ใช้สินค้ายี่ห้อ nightsun จากจีน ซึ่งแต่เดิมนั้นเว็บของจีนอยู่อันดับแรกเพราะเป็นโรงงานผลิต (ซึ่งมันก็น่าจะเป็นแบบนั้น) แต่เมื่อผมได้ปรับแต่งและทำเว็บใหม่ทั้งหมดกลับกลายเป็นเว็บไนท์ซันของไทยกลับกลายเป็นอันดับแรก – แสดงให้เห็นว่ากูเกิ้ลให้ความสำคัญกับการแบ่งพื้นที่ตามภูมิภาคอยู่มากเช่นกัน เพราะคนไทยก็ต้องอยากดูเว็บภาษาไทยก่อนเว็บภาษาจีนเป็นธรรมดา

ปัจจัยคือการใช้คีย์เวิร์ด และการปรับแต่งเมต้าแท็กที่ดี รวมทั้งการตั้งชื่อต่างๆ ตามที่เล่าให้ฟัง, ตอนนี้ไม่ได้ปรับแต่งมาพักใหญ่ก็ยังลอยลำอยู่หน้าแรกในกูเกิ้ลมาอย่างยาวนาน ส่วนปัจจัยทางเทคนิคคือเปลี่ยนจากเว็บ html ที่เน้นแปะรูปเยอะๆ มาเป็น cms ที่ชื่อว่า joomla … ไว้จะมาเล่าอีกทีครับว่าเจ้าจูมลานี้มันคืออะไร

เรื่องแรกเรื่องปรับคีย์เวิร์ด…ทำง่าย คุณเองก็ทำได้ครับ ไว้โอกาสหน้ามาเล่าต่อครับเรื่อง ว่าทำยังไงให้คนเข้ามาที่เว็บมากๆ (เพิ่มช่องสร้างแบ็คลิ้งค์)

CR :   www.facebook.com/Ezyonlinefanpage

ปาฐกถาพิเศษของ Jobs ที่ Stanford เมื่อปี 2005


ปาฐกถาพิเศษของ Jobs ที่ Stanford เมื่อปี 2005

ปาฐกถาพิเศษของ Jobs ที่ Stanford เมื่อปี 2005

ปาฐกถาพิเศษของ Jobs ที่ Stanford เมื่อปี 2005

ปาฐกถา พิเศษของ สตีฟ จ็อบส์ ที่ มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด เมื่อปี 2005 ปาฐกถาเลื่องชื่อที่แม้แต่นิตยสารชื่อดังอย่าง Fortune ยังต้องนำไปตีพิมพ์

Fortune ฉบับ September 5, 2005 ฟอร์จูนได้เขียนในข้อความโปรยก่อนบทความว่า ปกติการปาฐกถาพิเศษในวันรับปริญญามักจะเป็นอะไรที่ฟังสบาย ๆ แล้วก็ผ่านไป แต่ปาฐกถาพิเศษของ Jobs ที่ Stanford ครั้งนี้ถือว่าไม่ธรรมดาเพราะหลังจากวันนั้นก็คนพูดถึงอย่างมากมาย ไม่เฉพาะในหมู่บัณฑิต ของสแตนด์ฟอร์ดเท่านั้น แต่มีการโพสต์เข้าไปในเวบไซด์ ต่างๆ ส่งอีเมล์ให้คนรู้จักอ่าน ถกเถียงในเวบล็อก คนที่ไม่ได้อ่านก็ถามหากันมาก จนฟอร์จูนต้องเอามาตีพิมพ์แม้จะผ่านมาแล้วถึง 4 เดือนก็ตาม

Steve jobs Stanford commencement speech 2005 part 1
Steve jobs Stanford commencement speech 2005 part 2

วิธีเปิดไฟล์ bin ด้วยโปรแกรม DAEMON Tools Lite


พอดีโหลดเกมส์มาใหม่ จากเวบ torrent แห่งหนึ่ง โหลดมาเป็นไฟล์นามสกุล .bin ก็เลยงงว่าเอ้า !! เอาอะไรเปิดละนี่ คำตอบคือก็ใช้ deamon tools lite อย่างเคยเพียงแต่ต้องมีวิธีการนิดหน่อย ก็ดูเอาตามรูปนะครับ ไม่ยากๆ
ดาวน์โหลดโปรแกรมเดม่อนทูลได้จากไฟล์ฮิปโปครับ >>> http://filehippo.com/download_daemon_tools

สไลด์โชว์ ?…Proshow สิครับแจ่มจริง


อยากทำสไลด์โชว์สวยขั้นเทพ แบบง่ายๆ ใช่มั๊ยครับ…Proshow Producer 4.5

ผมขออธิบายคร่าวๆนะครับ ว่าโปรแกรมนี้เป็นโปรแกรมสร้างภาพสไลด์โชว์นี้ชื่อว่า Proshow 4.5 ซึ่งมี 3 เวอร์ชั่นคือ 1. Proshow Gold และ 2.Proshow Producer 3.Proshow Web
ข้อแตกต่างระหว่าง 3 เวอร์ชั่นนี้คือ gold เป็นแบบ”ผู้ใช้ทั่วไป” ส่วน producer เป็นแบบที่เป็น”มืออาชีพ” และ Web (เดากันออกนะ)

รายละเอียดโปรแกรม : Proshow Producer  โปรแกรมสำหรับทำภาพสไลด์โชว์ โดยนำเอารูปภาพ หรือรูปถ่ายของท่านมาทำเป็นภาพสไลด์โชว์แบบมัลติมีเดีย  ProShow Producer  วิธีการทำง่าย และรวดเร็ว โดยการนำภาพที่ท่านคัดเลือกมาใส่ในโฟลเดอร์ จากนั้นโปรแกรมจะเรียงต่อภาพด้วยเทคนิคพิเศษมากมาย เอาไว้ให้ท่านดูผ่านหน้าจอคอมพ์หรือหน้าจอทีวีเพื่อความบันเทิง ตัวโปรแกรมยังสามารถใส่เสียงเพลงประกอบลงไปในภาพสไลด์โชว์ได้อีกด้วย และยังสามารถแปลงไฟล์เป็นไฟล์ต่าง ๆ ได้ เช่น VCD ,DVD หรือ EXE  Bluray ฯลฯ ภาพที่ได้จัดอยู่ในคุณภาพดีมาก ถือได้ว่าเป็นการสร้างผลงานได้ในระดับมืออาชีพเลยทีเดียว

ปล.โปรแกรมนี้ไม่รองรับภาษาไทยนะครับ ไฟล์รูป ไฟล์เพลงทุกอย่างที่จะใช้ ต้องตั้งชื่อเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น

Proshow Producer เวอร์ชั่น 4.5 ครับ ดาวน์โหลดที่นี่  มีคนใจดีได้นำมาแจกให้ ( ติดตั้งง่าย ใช้งานได้จริง )
ส่วนลูกเล่นต่างๆ เป็นกรอบรูป เป็นแสงแว้บๆอะไรทั้งหลายในสไลด์โชว์ เค้ามีชื่อเรียกว่า Stylepacks ซึ่งมีรวมๆแล้วทั้งหมดก็ 8 แพ็ค (เยอะจนใช้กันไม่หมดแล้วครับ)

**วิธีการใช้งาน Proshow อ่านจากบล็อคนี้ได้เลยครับ http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=wpanwit&group=1

stylepacks 1 – 4

**สไตล์แพ็ค 1 ถึง 3 นี่มีติดมากับโปรแกรม Proshow Producer เวอร์ชั่น 4.5 ที่ผมนำมาแจกอยู่แล้วนะครับ***

—————————————————————————————————————————————————————

StylePack 4   Stylepacks  Volume 4 << คลิกดาวน์โหลดโลดดดดดด

อ่านเพิ่มเติม

ใช้โปรแกรมอะไรเปิดหนังไฟล์ .iso


เมื่อดาวน์โหลดหนังมาดูจากอินเตอร์เนทสักเรื่องหนึ่ง ถ้าไฟล์นั้นเป็นไฟล์แบบหนัง DVD มักจะถูกเก็บในรูปแบบ image file ซึ่งมีนามสกุลเป็น iso หรือ .nrg ซะเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งสำหรับมือใหม่หัดโหลดแล้ว มักไม่รู้ว่าจะ Mount image ด้วย Deamon tools ทำไมให้ยุ่งยาก (แต่ถ้าคุณชอบเล่นเกมส์ pc และรักการดาวน์โหลดเกมส์แรงๆ ยังไงซะก็หนีไม่พ้นเดม่อน ทูลส์ 555 +)

คำถามที่ใครๆ ก็สงสัยกันคือ ใช้โปรแกรมอะไรเปิดดูไฟล์ (ภาพยนต์) .iso ได้เลย แบบง่ายๆบ้าง

อ่ะ…ok วันนี้เรามีโปรแกรมที่สามารถดับเบิ้ลคลิกดูหนังที่เป็นไฟล์ iso ได้เลย เป็นของฟรี ใช้งานง่ายมากๆ

Download VLC Media Player 1.1.11 VLC Media Player 1.1.11  (ขนาดประมาณ 20 Mb.)

**เวบไฟล์ฮิปโปนี้เชื่อถือได้ครับ ไม่มีไวรัสแน่นอน ผมใช้ประจำ www.filehippo.com

Ghost และการ Recovery


Norton Ghost เป็นชื่อเรียก Software ตัวนี้ครับ เป็นของ Symentec ที่รู้จักกันดี

1. Ghost คือ อะไรทำเพื่ออะไร
คำตอบ ก็คือการทำให้ไฟล์หรืออะไรก็แล้วแต่ที่เหมือนกับต้นฉบับ เหมือนกับการโคลนนิ่งนั่นเอง เช่นผมมีคอมพิวเตอร์อยู่ 30 เครื่องที่สเปกเหมือนกัน ( ส่วนมากตามร้านเน็ตก็จะใช้แบบนี้แหละครับ ) แค่ลงวินโดวส์ ลงไดร์เวอร์ ลง Software พื้นฐาน และ Set ค่าต่างๆให้เรียบร้อย

จากนั้นก็นำ HDD ลูกต้นแบบก็คือลูกนี้ ไป Ghost ใส่ลูกอื่น ซึ่งจะใช้เวลาในการ Ghost ไวมาก HDD ขนาด 20 G ใช้เวลาเพียง 12 นาทีโดยประมาณ คุณก็จะได้ HDD ที่เหมือนต้นฉบับมาใช้ได้เลยโดยไม่ต้องมานั่งลง Windows หรือ Software ซ้ำๆซากๆอีกเลย
2. การ Ghost มีข้อจำกัดอะไรบ้าง
คำตอบ มีอยู่เล็กน้อยครับ HDD ที่เป็น SATAจะไม่ Support กับ Software ตัวนี้ครับแต่ไม่ต้องตกใจครับ ก็แค่ไม่ Support ใน Windows Mode แต่เราเลี่ยงไปใช้ Dos Mode ได้

เกล็ดเล็กเกร็ดน้อย
1. บางคนชอบลง Software แบบ Demo ใช้ได้ เดือนนึง หรือสองอาทิตย์อะไรทำนองนี้ ถ้าคุณเป็นคนจำพวกนี้แนะนำให้ทำ Ghost ก่อนแล้วจึงค่อยลง Software ที่ว่าครับ เพราะเมื่อมันหมดอายุไขของมันคุณก็แค่ทำการ Ghost แล้วก็ลง Software ใหม่จะทำให้คุณใช้ Software ได้อย่างไม่มีวันหมดอายุ
2.ถ้าคุณเป็นคนชอบ Set นู่น Set นี่จนอีรุงตุงนังแล้วเครื่องมัน เอ๋อๆ ช้าๆ คุณก็สามารถใช้ Ghost ตัวนี้ทำให้เครื่องกลับมา (Recovery)เป็นเหมือนวันที่คุณลง Windows ใหม่ได้
3. ข้อนี้สำคัญครับ ถ้าคุณได้ทำการสร้าง Image File ของ Norton Ghost ไว้แล้ว เวลาเครื่องคุณมีปัญหา แล้วคุณไม่รู้ว่ามันเป็นที่ Software หรือ Hardware คุณก็ทำการ Recovery เครื่องของคุณกลับมา ถ้าเครื่องของคุณใช้ได้ปกติแสดงว่า ไม่ได้เป็นที่ Hardware ครับ แต่ถ้าคุณ Recovery กลับมาแล้วเครื่องคุณยังมีปัญหาอยู่แสดงว่า Hardware คุณมีปัญหาแน่นอน ฟันธง

อยากรู้ไปตามนี้ครับ ไฟล์ PDF
http://www.kkpho.go.th/reloaded/News/195585558254955885585555854/ghost.pdf

แบบนี้เป็นเว็บครับ
http://www.com-th.net/software/?ghost
http://www.easyhome.in.th/technical/cloning9.html

เครดิต  meteoric_ohm

720 หรือ 1080… 1080i หรือ 1080p? ที่นี่มีคำตอบ


720 หรือ 1080… 1080i หรือ 1080p? ที่นี่มีคำตอบ

จากบทความ: 720 or 1080… 1080i or 1080p?? Answers here…
โดย: RUSirius
ที่มา: http://boardsus.playstation.com/playstatio…27175#U27027175
แปล/เรียบเรียงโดย: mrzane
อ้างอิง: กระทู้ “คนที่ซื้อ Full HD ไปเนี่ยเสียตังฟรีหรือเปล่า” โดยคุณ morigan – http://www.dvdgameonline.com/forums/index….showtopic=83407

———————————————————

“ผม (ผู้เขียน – RUSirius ) เป็นวิศวกรด้านกระจายเสียงวิทยุโทรทัศน์ งานของผมเกี่ยวข้องโดยตรงกับระบบโทรทัศน์, สัญญาณโทรทัศน์ (broadcast signal), สัญญาณความละเอียดสูง (HD signal) และอื่นๆ ด้วยเหตุนี้ผมจึงต้องทำงานคลุกคลีอยู่กับสิ่งเหล่านี้ทุกๆ วัน ซึ่งทำให้ผมสามารถนำความรู้ส่วนหนึ่งมาช่วยตอบปัญหากระทู้ต่างๆ ตามเว็บบอร์ดหลายๆ แห่ง เพื่อเป็นประโยชน์ต่อหลายๆ คนที่มีปัญหา หรือกำลังสนใจในเรื่องเหล่านี้

ด้วยเหตุผลข้างต้น ผมจึงถูกถามคำถามเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่บ่อยๆ ผมจึงมีความคิดที่จะเขียนบทความขึ้นมาเพื่อตอบปัญหาเหล่านี้โดยเฉพาะ ซึ่งเป็นที่มาของบทความนี้นั่นเอง เพราะฉะนั้นเรามาเริ่มกันเถอะ…”
———————————————————

QUOTE
“ผม ควรจะตั้งความละเอียดที่ 720p หรือ 1080i ดีครับ?”, “1080i ต่างกับ 1080p ยังไง?”, “ผมควรจะใช้ 1080p หรือ 720p ก็พอ?”, “มีความแตกต่างที่สังเกตได้ระหว่าง x กับ y หรือไม่?”… ฯลฯ

ข้าง บนนี้เป็นตัวอย่างของคำถามที่มีคนถามอยู่ตลอดเวลา… แต่ปัญหาก็คือ มันไม่มีคำตอบที่ตายตัวต่อคำถามเหล่านั้น เพราะคำตอบมันขึ้นอยู่กับหลายๆ ปัจจัย และวิธีเดียวที่จะสามารถตอบปัญหาเหล่านี้ได้คือ การเข้าใจอย่างถ่องแท้ในความแตกต่าง (ความแตกต่างทางเทคนิคของสัญญาณ HD ประเภทต่างๆ – ผู้แปล) เอาล่ะ เรามาสนุกกันได้แล้ว

Section A: ความละเอียด (resolution)

สิ่ง แรกที่คุณควรจะทำความเข้าใจคือ ความละเอียด (resolution) ของทีวีของคุณ – เริ่มจากข้อเท็จจริงกันก่อนว่า HDTV ใหม่ๆ (microdisplay, LCD, DLP, LCoS, Plasma และ directview LCD) สามารถที่จะแสดงความละเอียดที่ 480 เส้น, 720 เส้น และ 1080 เส้น (เพิ่มเติม: HDTV ที่สนับสนุนระบบ PAL สามารถแสดงความละเอียดที่ 576 เส้นได้ด้วย – ผู้แปล)

หลายๆ คนคงคิดว่า “ใหญ่กว่า ย่อมดีกว่า (bigger is better)”… ยิ่งทีวีความละเอียดสูงเท่าไหร่ ก็ยิ่งจะแสดงรายละเอียดบนภาพได้มากขึ้นเท่านั้น แต่ปัญหาก็คือความคิดนี้ใช้ไม่ได้เสมอไป เหตุผลก็คือ ยิ่งทีวีของคุณจอเล็กเท่าไหร่ ขนาดของจุดสี (pixel) ก็ยิ่งเล็กลงเท่านั้น และเมื่อขนาดของ pixel เล็กมากจนถึงระดับหนึ่ง คุณก็จะเริ่มมองไม่เห็นความแตกต่างระหว่างความละเอียดที่สูงกว่า กับความความละเอียดที่ต่ำกว่าอีกต่อไป

เรามาดูตัวอย่างกันเถอะ สมมติว่าคุณกำลังอ่านบทความนี้บนจอยักษ์ขนาด 350 นิ้ว ถ้าคุณเดินเข้าไปใกล้เจ้าจอยักษ์ตัวนี้ แล้วก็มองไปที่ตัวอักษรตัวหนึ่ง สมมติว่าเป็นจุด (.) ก็แล้วกัน คุณจะเห็นว่า จุดจุดนี้ประกอบไปด้วย pixel หลายๆ pixel ที่เรียงชิดกันตามรูปภาพข้างล่าง

จาก ภาพจะสังเกตเห็นว่า เจ้าจุดนี้ดูสมประกอบ และมีรายละเอียดดี ซึ่งเมื่อนับจำนวนพิกเซลที่ประกอบเป็นเจ้าจุดนี้ จะนับได้ 20 พิกเซลพอดี

ที นี้เรามาลองปรับลดความละเอียดบนจอ 350 นิ้วตัวเดิมลงครึ่งหนึ่ง เมื่อเราเข้าไปมองใกล้ๆ ที่จุดตัวเดิม เราจะเห็นว่ามันกลายเป็นแบบนี้

ใน ภาพที่สอง จะสังเกตเห็นได้ว่า จุดจุดนี้มันดูไม่สมประกอบอีกต่อไปแล้ว เพราะมันไม่มีจำนวนพิกเซลเยอะพอที่จะประกอบกันเป็นจุดกลมๆ ได้ ซึ่งนี่ก็ดูเหมือนว่าทฤษฎี “ยิ่งจอละเอียดเท่าไหร่ ภาพก็จะยิ่งดูดีเท่านั้น” ตามที่ผมได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้จะถูกต้อง แต่มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นน่ะสิครับ เพราะเรากำลังเพ่งดูจุดที่ว่านี้ “อย่างใกล้ชิด” บนจอขนาด 350 นิ้ว

ทีนี้สมมติว่าคุณกำลังนั่งอ่านบทความนี้บนจอขนาด 19 นิ้ว เรามาลองดูจุดอีกจุดหนึ่งกันเถอะครับ —> .

จุด ที่คุณเห็นอาจประกอบไปด้วยเม็ดพิกเซลจำนวน 4 พิกเซล ขึ้นอยู่กับความละเอียดของหน้าจอคุณ (และความละเอียดที่คุณตั้งไว้ใน control panel – ผู้แปล) ลองคิดดูนะครับว่า ถ้าคุณปรับความละเอียดของหน้าจอเพิ่มขึ้นอีกให้เป็น 38928282 x 38928282 คุณจะเห็นความแตกต่างของจุดที่ว่านั่นหรือไม่?… ไม่เห็นใช่ไหมครับ? ถึงแม้ว่าเมื่อคุณปรับความละเอียดเพิ่มขึ้น และความละเอียดนี้จะทำให้จุดที่ว่านี้ประกอบไปด้วยเม็ดพิกเซลจำนวน 100 เม็ด คุณก็จะไม่เห็นความแตกต่างของมัน ยังไงจุดที่ประกอบไปด้วย 4 พิกเซล ก็จะดู “เหมือนกันทุกประการ” กับจุดที่ประกอบไปด้วย 100 พิกเซล จริงอยู่ว่ารายละเอียดเล็กๆ อาจจะหายไป แต่ด้วยขนาดจอที่ไม่ใหญ่มาก ทำให้ตาของคุณไม่สามารถบอกความแตกต่างของจุดขนาด 4 พิกเซลกับจุดขนาด 100 พิกเซลได้โดยการดูด้วยจอขนาด 19 นิ้ว

ด้วยเหตุผลดังกล่าว จึงทำให้การที่ทีวีที่เป็นแบบ 720 เส้น จะแสดงภาพที่ดูดีพอๆ กับทีวีที่เป็น 1080 เส้นได้ จะต้องขึ้นอยู่กับขนาดของทีวีเอง ยิ่งถ้าทีวีมีขนาดเล็ก และขนาดพิกเซลเล็กลงเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งไม่สามารถสังเกตเห็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่หายไปได้

อย่าง ไรก็ตาม ปัจจัยเหล่านี้ขึ้นอยู่กับสายตาของคนมอง, ขนาดของจอ กับ ระยะห่างระหว่างจอกับผู้ชมด้วย กราฟต่อไปนี้แสดงความสัมพันธ์ระหว่างความละเอียดของจอ (resolution) กับระยะการชม (viewing distance) และขนาดของทีวี


อ่านเพิ่มเติม